วันนี้( 1 มีนาคม 2567 ) ณ กรมควบคุมโรค นายแพทย์นิติ เหตานุรักษ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค เป็นประธานพิธีเปิดกิจกรรมรณรงค์เนื่องในวันยุติการเลือกปฏิบัติสากล (Zero Discrimination Day) โดยมีผู้แทนเยาวชนภาคประชาสังคม ภาคเอกชน ร่วมแสดงพลังคนรุ่นใหม่ “เยาวชน…ผู้นำการเปลี่ยนแปลง เพื่อสังคมไม่เลือกปฏิบัติ”
นายแพทย์นิติ กล่าวว่า ประเทศไทยมุ่งมั่นที่จะยุติปัญหาเอดส์โดยขับเคลื่อนยุทธศาสตร์แห่งชาติว่าด้วยการยุติปัญหาเอดส์ ปี พ.ศ. 2560 – 2573 โดยคำนึงถึงสิทธิมนุษยชนและความเสมอภาคระหว่างเพศ ซึ่งหนึ่งในเป้าหมายหลักที่จะยุติเอดส์ คือ ลดการตีตราและเลือกปฏิบัติ ให้เหลือไม่เกินร้อยละ 10 แต่จากผลสํารวจสถานการณ์เด็กและสตรี ประเทศไทย ปี พ.ศ. 2565 ยังพบว่าประชาชนมีทัศนคติในการเลือกปฏิบัติต่อผู้ติดเชื้อเอชไอวี ถึงร้อยละ 27.9 และจากการคาดประมาณสถานการณ์เอชไอวี/เอดส์ ประเทศไทย ปี พ.ศ. 2565 คาดว่าผู้ติดเชื้อ เอชไอวีรายใหม่ 9,230 คน ซึ่งเป็นเยาวชนอายุ 15-24 ปี จำนวน 4,379 คน นับเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของผู้ติดเชื้อ รายใหม่ทั้งหมด และผลการสำรวจดัชนี ตีตราและเลือกปฏิบัติในผู้ติดเชื้อเอชไอวีประเทศไทยปี พ.ศ. 2566 พบว่า เยาวชนอายุ 18-24 ปี มีการตีตราตนเอง สูงถึงร้อยละ 49.3 ถูกละเมิดสิทธิร้อยละ 7.5 และถูกเลือกปฏิบัติในชุมชนร้อยละ 9.0 จากข้อมูลดังกล่าวชี้ให้เห็นว่า การตีตราและการเลือกปฏิบัติที่ยังมีอยู่ในสังคม ถือเป็นอุปสรรคที่สำคัญ ในการดำเนินงานเพื่อยุติปัญหาเอดส์ในประเทศไทย เนื่องจากการตีตราและการเลือกปฏิบัติ รวมทั้งการถูกละเมิดสิทธิด้านต่างๆ ส่งผลให้ประชากรกลุ่มเสี่ยงและผู้ติดเชื้อเอชไอวี หลีกเลี่ยงหรือเกิดความลังเลในการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพ และอาจขาดโอกาสในการได้รับบริการป้องกัน การตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวี และการดูแลรักษาที่ถูกต้องและต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิต
เพื่อให้การดำเนินงานมุ่งสู่เป้าหมายโดยเร็ว กรมควบคุมโรคร่วมกับภาคีเครือข่ายขับเคลื่อนการดำเนินงาน ดังนี้ 1.สนับสนุนการยกเลิกกฎหมาย นโยบายและข้อจำกัดทางสังคมที่เป็นอุปสรรคในการเข้าถึงบริการด้านเอชไอวี สุขภาวะทางเพศและอนามัยการเจริญพันธุ์ในกลุ่มวัยรุ่นและเยาวชน 2.พัฒนาระบบข้อมูลและกลไกการรับเรื่องร้องเรียนและคุ้มครองการละเมิดสิทธิด้านเอดส์ ด้วยเว็บแอป “สวัสดีปกป้อง” ระบบจัดการปัญหาการ ถูกละเมิดสิทธิและการให้ความช่วยเหลือที่สะดวก เข้าถึงง่าย 3.รณรงค์สร้างความเข้าใจกับคนรุ่นใหม่ ใช้สื่อโซเชียลมีเดีย เป็นพลังในการขับเคลื่อนแนวคิดของคนในสังคมให้เห็นว่าเอชไอวี อยู่ร่วมกันได้ ลดการตีตราและเลือกปฏิบัติต่อผู้ที่มีเอชไอวี 4.พัฒนาระบบบริการสุขภาพที่เป็นมิตรต่อเยาวชนที่มีเอชไอวี โดยการมีส่วนร่วมของเยาวชนในการจัดบริการสุขภาพ และ 5.พัฒนาศักยภาพเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการตีตราและเลือกปฏิบัติ โดยจัดการเรียนรู้ในรูปแบบ E-learning แก่นักศึกษาแพทย์และนักศึกษาพยาบาล ซึ่งจะเป็นผู้ให้บริการทางสุขภาพในอนาคต สามารถนำความรู้ไปใช้ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตีตราและการเลือกปฏิบัติในสถานบริการสุขภาพ
นายแพทย์นิติ ยังกล่าวอีกว่า ขอเชิญชวนให้ทุกท่านร่วมกันสร้างการเปลี่ยนแปลงและสร้างกระแสสังคม โดยรณรงค์ผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย สานพลังเยาวชนคนรุ่นใหม่ ยุติการเลือกปฏิบัติ ยุติเอดส์ประเทศไทย พร้อมติด แฮชแท็ก #ทุกคนเท่ากัน #ไม่เลือกปฏิบัติ #changeforall เพื่อสร้างกระแสสังคมให้ทุกคน ทุกภาคส่วน ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการยุติการตีตราและเลือกปฏิบัติ สร้างความเข้าใจ สร้างความตระหนักว่าเอชไอวีหรือเอดส์สามารถอยู่ร่วมกันได้ และมีความเท่าเทียม เพื่อให้เกิดสังคมที่ไม่เลือกปฏิบัติ สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้ติดเชื้อเอชไอวี และมุ่งสู่เป้าหมายการยุติเอดส์ภายในปี พ.ศ. 2573 สอดคล้องกับแนวคิดสากล “To protect everyone’s health, protect everyone’s rights : ปกป้องสิทธิ เพื่อปกป้องสุขภาพของทุกคน”
*************************************
ข้อมูลจาก : กองโรคเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์/สำนักสื่อสารความเสี่ยงฯ กรมควบคุมโรค
วันที่ 1 มีนาคม 2567